367/5 หมู่ 4 ต.พรานกระต่าย อ.พรานกระต่าย จ.กำแพงเพชร 62110
จันทร์ - ศุกร์ | 08:30 น. - 15:30 น.

ปัญหาเด็กติดเกม กับวิธีการรับมืออย่างสร้างสรรค์

ปัญหาเด็กติดเกม กับวิธีการรับมืออย่างสร้างสรรค์

   ปัญหาเด็กติดเกมในทุกวันนี้ถือเป็นเรื่องที่พบได้ทั่วไป เนื่องจากในปัจจุบันมีสิ่งล่อตาล่อใจมากมาย ทั้งสื่อเกมออนไลน์ หรืออินเทอร์เน็ตที่เด็กๆ สามารถเข้าถึงได้จากทุกที่ทุกเวลา ซึ่งคุณพ่อคุณแม่หลายๆ คนจะกังวลใจว่าอาการติดเกม อาจส่งผลกระทบต่อพัฒนาการในด้านต่างๆ ของลูกน้อย และเราจะมีวิธีในการป้องกันและแก้ไขอาการติดเกมของลูกได้อย่างไร

ในบทความนี้ จะมาบอกเคล็ดลับดูแลลูกอย่างไรให้ปลอดภัยและสร้างสรรค์ เล่นเกมแล้วได้คุณประโยชน์ที่มากกว่าโทษ

เช็ก 4 อาการ แบบไหนที่เรียกว่าลูกเป็น ‘เด็กติดเกม’

เริ่มแรก เรามาทำความรู้จักกับ 4 เช็กลิสต์ ลักษณะของ “การติดเกม หรือ Game Addiction” กันดูก่อนว่าลูกของเรามีพฤติกรรมตามข้อเหล่านี้หรือไม่ ซึ่งถ้าหากว่ามี คุณพ่อคุณแม่ควรรีบหาแนวทางการแก้ไข รวมถึงปรับเปลี่ยนวิธีการเลี้ยงดู เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบระยะยาวต่อบุคลิกภาพและการเรียนของพวกเขาในอนาคต

  1. ใช้เวลากับการเล่นเกมมากจนเกินไป ในที่นี้หมายถึง การที่ลูกนั่งเล่นเกมอยู่กับที่ต่อเนื่องเป็นเวลานาน อาจมากกว่า 3-4 ชั่วโมง/วัน หรือการนั่งเล่นทั้งวันทั้งคืนจนแทบไม่มีหยุดพัก ซึ่งถือว่าเป็นอันตรายต่อสุขภาพ การกินและการนอนหลับของพวกเขาเป็นอย่างยิ่ง
  2. แสดงความก้าวร้าวเมื่อไม่พอใจ เมื่อลูกจดจ่อกับเกมที่มีเนื้อหารุนแรงหรือส่งผลให้เกิดความเครียด เด็กจะมีพฤติกรรมชอบทำเสียงดัง โวยวาย และหงุดหงิดได้ง่าย หากคุณแม่ไม่รีบตักเตือน พวกเขาก็จะเคยชินจนเป็นนิสัย และแก้ได้ยากเมื่อโตขึ้น
  3. สมาธิสั้น ไม่จดจ่อกับการเรียน ในเกมจะมีสิ่งเร้าที่คอยรบกวนสมาธิของเด็กๆ ไม่ว่าจะเป็นภาพ แสงสี หรือเสียงต่างๆ สิ่งเหล่านี้จะไปกระตุ้นให้พวกเขามองหาความสนุกหรือสิ่งที่น่าสนใจตลอดเวลา จนไม่สามารถจดจ่อกับอะไรที่ต้องใช้ความอดทน อย่างการเรียน การออกกำลังกาย หรือการทำงานบ้านได้
  4. เริ่มตัดขาดจากโลกภายนอก เพราะพวกเขามองว่ากิจกรรมอื่นๆ ที่ไม่ใช่เกมออนไลน์เป็นอะไรที่น่าเบื่อ ใช้เวลานาน แถมยังต้องลงมือทำอย่างมากกว่าจะได้มาซึ่งรางวัล การเล่นเกมจึงเป็นสิ่งที่ทำให้เด็กๆ มีความสุขได้อย่างรวดเร็ว ง่ายดาย จนนำไปสู่การเก็บตัว และไม่ยอมไปพบปะกับเพื่อนโรงเรียน

สาเหตุที่ลูกติดเกม ปัญหาเล็กๆ ที่ผู้ใหญ่อาจมองข้าม

  • การเลี้ยงดูที่คุณพ่อคุณแม่มักตามใจ ไม่สร้างระเบียบวินัยให้ลูกตั้งแต่ยังเล็ก
  • การที่คนในครอบครัวใช้ชีวิตต่างคนต่างอยู่ ทำให้เด็กเหงาและรู้สึกเบื่อ
  • สิ่งเร้ามากมายในโลกออนไลน์ที่ทำให้ลูกติดเกม และเบี่ยงเบนความสนใจได้ง่าย
  • สุขภาวะทางจิตในตัวเด็กเอง เช่น โรคสมาธิสั้น ซึมเศร้า หรือขาดการเข้าสังคม

วิธีการแก้ปัญหา รับมือเมื่อลูกติดเกม

  1. สร้างวินัยในชีวิตประจำวัน ฝึกวินัย ให้ลูกรับผิดชอบหน้าที่ของตัวเอง เช่น เมื่อกลับจากโรงเรียนลูกต้องอาบน้ำกินข้าว พร้อมทำการบ้านให้เสร็จ คุณแม่ถึงจะอนุญาตให้เล่นเกมได้
  2. จำกัดชั่วโมงการเล่น เด็กๆ ไม่ควรใช้เวลาติดกับหน้าจอนานเกิน 2-3 ชั่วโมงต่อวัน คุณพ่อคุณแม่สามารถเข้มงวดกับระยะเวลา รวมถึงวางเครื่องเล่นเกมไว้ในที่ส่วนรวม เพื่อให้สอดส่องดูแลได้ง่าย
  3. หากิจกรรมสร้างสรรค์ ใช้เวลาร่วมกันมากขึ้น อาการลูกติดเกมอาจเกิดจากการที่ลูกรู้สึกเบื่อหรือขาดสิ่งเร้าที่น่าสนใจ คุณพ่อคุณแม่สามารถหากิจกรรมสนุกๆ สุดครีเอต แอคทีฟร่วมกันได้ที่บ้าน เช่น เกมกระโดดยาง สายลับเลเซอร์ เอาตัวรอดผ่านสิ่งกีดขวาง หรือการออกไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะ ชมการแสดงศิลปะ นอกจากจะช่วยให้เด็กๆ ได้เรียนรู้จากสิ่งรอบตัวมากขึ้น อารมณ์ดี ร่างกายได้ขยับและแข็งแรงแล้ว พวกเขายังได้พัฒนาทักษะด้านความคิด การวางแผน และเปิดมุมมองอื่นๆ ได้อีกด้วย
  4. ให้รางวัลเมื่อพวกเขาทำสำเร็จ ลูกจะเรียนรู้ได้ดีหากเราให้รางวัลเมื่อพวกเขาทำพฤติกรรมที่เหมาะสม เมื่อลูกยอมทำตามข้อตกลงที่ตั้งไว้ คุณแม่เองก็สามารถตอบแทนความตั้งใจเล็กๆ นี้ด้วยสิ่งที่เขาชอบ อย่างเช่น เมนูโปรดแสนอร่อย ทำง่าย มีประโยชน์
  5. ปรึกษา พูดคุยกับจิตแพทย์ หากทำทุกวิธีแล้วยังไม่ได้ผล คุณพ่อคุณแม่ควรพาลูกน้อยมาพบกับคุณหมอ เพื่อช่วยกันหาปมปัญหาลึกๆ ที่ซ่อนอยู่ในใจ รวมถึงแนะแนวทางแก้ไขที่ได้ผลดียิ่งขึ้นอีกด้วย

ปัญหาลูกติดเกมนั้นเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา แต่เชื่อว่าคุณแม่ทุกคนพร้อมที่จะลุยอย่างเต็มที่ เพื่อให้ลูกรักเติบโตมามีทั้งสุขภาพกายและใจที่ดี เป็นคนเก่งยิ่งขึ้นไปในอนาคต